กินไก่ทำให้เป็นเกาต์จริงหรือหลอก?

กินไก่ทำให้เป็นเกาต์จริงหรือหลอก?

“กินไก่เยอะแล้วจะเป็นเกาต์” อาจเป็นประโยคที่หลายคนเคยได้ยิน จนไม่กล้ากินหรือพยายามหลีกเลี่ยงเนื้อไก่ แต่ความจริงคืออะไรกันแน่ มาไขข้อสงสัยเพื่อคลายความกังวลกัน

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โรคเกาต์ เป็นโรคข้ออักเสบที่เกิดจากกรดยูริกในเลือดสูง จนเกิดผลึกเกาะตามข้อ ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน ตามข้ออย่างเฉียบพลัน โดยกรดยูริกมาจากการสลายของพิวรีน ซึ่งพบในอาหารหลายชนิด รวมถึงเนื้อไก่ด้วยเช่นกัน

แต่สำหรับคนทั่วไปการกินเนื้อไก่ ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเกาต์โดยตรง

เนื่องจากเนื้อไก่มีปริมาณพิวรีนอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่น ๆ เช่น เครื่องในสัตว์ ปลาซาดีน หรือผักบางชนิดเช่น ชะอม กระถิน เป็นต้น

แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคเกาต์ การกินเนื้อไก่ในปริมาณมาก ก็อาจกระตุ้นให้โรคเกาต์กำเริบได้เช่นกัน

ดูแลตัวเองอย่างไร ไม่ให้เป็นเกาต์

  • หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีปริมาณพิวรีนสูงเป็นประจำ
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายขับกรดยูริกส่วนเกินออกทางปัสสาวะได้ดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ดังนั้น สำหรับบุคคลทั่วไปแล้ว การกินไก่ไม่ได้ทำให้เป็นเกาต์โดยตรง แต่สำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์ ควรกินในปริมาณที่เหมาะสม

แนะนำให้เลือกส่วนเนื้อไม่ติดหนัง และใส่ใจกับการควบคุมอาหาร ก็จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดี ไม่กระตุ้นให้โรคเกาต์กำเริบได้นั่นเอง

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการโรคเกาต์หรือการดูแลสุขภาพ สามารถเข้ามาปรึกษากับเราได้ที่ Avatar Clinic การแพทย์แผนไทย ยินดีให้คำปรึกษาครับ

กินไก่เป็นเกาต์จริงหรือหลอก โรคเกาค์ คือโรคข้ออักเสบชนิดหนึง่ที่เกิดจากการมีกรดยูริกในเลือดสูงและสะสมในข้อต่อจนกลายเป็นผลึก โดย กรดยูริกเหล่านี้มาจากการสลายของพิวรีนซึ่งพบได้ในอาหารหลายชนิด

อ้างอิง : สภากาชาดไทย, โรงพยาบาลขอนแก่น ราม, โรงพยาบาลพญาไท, โรงพยาบาลเพชรเวช, โรงพยาบาลกรุงเทพ จันทบุรี

Scroll to Top